วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

เกาะลอย

                                                  เกาะลอย


       เกาะลอยศรีราชาเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่น และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของอำเภอศรีราชา อยู่ห่างจากฝั่งอำเภอศรีราชาประมาณ 700 เมตร มีเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่เศษ เกาะลอยแห่งนี้ นักท่องเที่ยวเมื่อได้มาเที่ยวศรีราชา จะต้องมาแวะเที่ยวชม และพักผ่อน
       เกาะลอยมีเสน่ห์ที่มีบรรกาศ และทิวทัศน์รอบเกาะที่สวยงาม มองเห็นทะเลรอบๆเกาะและตัวเมืองศรีราชาที่สวยงาม มีลมเย็นสบายตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะยามเย็น ชาวศรีราชา และผู้มาเยือนชอบที่ไปนั่งกินลม ชมวิว ชมพระอาทิตย์ตกน้ำที่สวยงามมาก
       ขณะเดียวกันยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมร่วมกับสวนสาธารณะสาวนสุขภาพศรี่ราชา ในงานเทศกาลประเพณีต่างๆ ของชาวศรีราชา


วัดเกาะลอย     
    วัดเกาะลอยเป็นวัดเก่าแก่มาเป็นเวลานับร้อยกว่าปี ซึ่งผู้คนให้ความเคารพ ศรัทธา เวียนมากราบนมัสการ ไม่เว้นแต่ละวัน ท่านจะได้สักการะรูปปั้นหลวงพ่อทันใจ เสี่ยงเซียมซี ทำบุญ ปล่อยปลา ปล่อยสัตว์

สวนเต่าทะเล บ่อเต่าทะเล เต่าตนุ เต่ากระ     



    สวนเต่ทะเลตั้งอยู่ที่ บริเวณสวนธารณะเกาะลอย เทศบาลเมืองศรีราชา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี  เป็นบ่อเลี้ยงเต่าที่เทศบาลก่อสร้างขึ้น โดยมีเต่าทะเล 2 ชนิด  ได้แก่ เต่าตนุ และ เต่ากระ ปัจจุบันมีเต่าทะเล ประมาณ 250 ตัวเต่าทะเลเหล่านี้มีสีสันสวยงาม และนักท่องเที่ยวนิยมเข้าชม เต่าทะเลที่เลี้ยงได้มาจากการที่ชาวประมงจับมาได้ จากการลากอวน แทนที่จะนำไปเป็นอาหารก็ได้นำมามอบให้เทศบาลเลี้ยงในบ่อเต่าเพื่อให้ประชาชนได้ชม

พระโพธิสัตว์กวนอิมหยกขาว
       
เทศบาลได้จัดสร้างพระโพธิสัตว์กวนอิมหยกขาว ณ บริเวณเกาะลอย มีขนาดความสูง 4 เมตร เป็นองค์ที่ทำด้วยหยกขาวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แกะสลักโดยช่างฝีมือจากพระราชวังจีน พร้อมด้วยสาวก 2 องค์ ขนาดความสูง องค์ละ 2 เมตร และมีกระถางธูป ขนาด 80 เซนติเมตร  โดยจะประดิษฐานอยู่ในเก๋งมังกรจีน 8 เหลี่ยม 48 เสา มีหลังคาลดหลั่นกัน 3 ชั้น ขนาดกว้าง 20 เมตร ยาว 20 เมตร สูง 20 เมตร เพดานภายในเก๋งมังกรจีนจะได้รับการออกแบบเขียนภาพมังกรแบบไทย โดยจิตรกรระดับชาติ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและกราบไหว้บูชา พระโพธิสัตว์กวนอิมของผู้มาเยือน เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
      

ศาลเจ้าพ่อกวนอู  
     เทศบาลเมืองศรีราชาได้ทำการจัดสร้างขึ้นมาเช่นกัน เจ้าพ่อกวนอูนี้ ประดิษฐานอยู่ทางด้านทิศตะวันนออกของพื้นที่บริเวณเกาะลอย


คอนโดปูไข่ (ปูม้า)Crab condominium 
    นวัตกรรมเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล และคุณภาพชีวิตที่ดีของมวลมนุษย์ ด้วยภูมิปัญญาอันล้ำลึกของชาวศรีราชา โดยเทศบาลเมืองศรีราชา ร่วมกับ โครงการพัฒนาศักยภาพของชุมชน / หมู่บ้าน (sml), โครงการจัดการชายฝั่งแบบบูรณาการจังหวัดชลบุรี
    ปูม้า เป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่สำคัญในอ่าวศรีราชา เพราะเป็นอาหารทะเลที่รสชาติดีเป็นที่นิยมของผู้บริโภค ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ปูม้า จึงเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก และราคาสูง จนนำไปสู่การจับปูม้าที่ไม่คำนึงถึงการอนุรักษ์ที่ไม่ยั่งยืน เราจึงพบว่ามีการจับปูไข่ และปูขนาดเล็กมาบริโภค
จนทำให้ปริมาณปูม้าในธรรมชาติลดลงมาก เห็นได้ชัดจากปริมาณการจับปูม้าในปี พ.ศ.2541 ซึ่งจับได้ถึง 46,700 ตัน

จูบ

คำสารภาพของจูบรัญจวนใจ  จูบน้ำหนักพอดี จูบริมฝีปาก จูบต้นคอ จูบที่บริสุทธิ์ใจ จูบอย่างเมามัน


              จูบที่พอดีไม่กดน้ำหนักมากเกินไป เพื่อกระตุ้นอารมณ์ให้อยากจูบต่อ บอกแล้วว่าผู้หญิงไม่ชอบความซาดิสม์ ดังนั้นไม่ต้องโหมใส่ริมฝีปากมากเกินไปก็ได้ จูบที่น้ำหนักกำลังดีจะ ช่วยให้อารมณ์พิศวาสเป็นไปอย่างต่อเนื่องค่ะ ไม่สะดุดเพราะถูกกระแทกกระทั้นจนเจ็บปาก พอน้ำหนักได้ที่แล้วจึงแตะริมฝีปากบนเบาๆ ต่อด้วยขบเม้มริมฝีปากล่าง              
               นอกจากนั้นการลองใช้ลิ้นแตะช่องเพดานภายในปากบ้างจะช่วยสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ได้เป็นอย่างดีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยสารภาพว่าชอบให้ไล่จูบจากริมฝีปากไป ทางด้านข้างใบหน้าเรื่อยไปจนถึงใบหูหรือซอกคอ บริเวณนี้แหละค่าที่ผู้หญิงเราอ่อนปวกเปียกได้ง่ายที่สุด เพราะเธอรู้สึกเหมือนกับว่าคนรักกำลังหยอกล้อเธอด้วยความเอ็นดู  ในขณะที่สาวซ่าส่วนมากชอบให้ผู้ชายจับตัวเธอยืดขึ้น จูบและบดขยี้จนตัวติดผนัง ส่วนการใช้ลิ้นรุกไล่พัลวันในปาก พวกเธอยอมรับว่าก็หวือหวาดีไม่น้อยสาวแนวนุ่มนวลบอกว่าชอบให้เขาแอบมาด้านหลังแล้วจูบเบาๆที่ต้นคอ  
              ที่สำคัญการจูบจะต้องเป็นจูบที่บริสุทธิ์ใจ มิใช่หวังแต่จะปลดเสื้อผ้าออก นอกจากนั้นกลิ่นปากและการจูบอย่างเมามันจนฟันต้องกระแทกกันนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเธอหมดอารมณ์ได้มากที่สุด... อ้อ! การจุมพิตบริเวณใต้ท้องน้อยจะทำให้พวกเธอขนลุกซู่ด้วยความเสียวซ่านอย่างไม น่าเชื่อด้วยนะ

http://jub-jub-jub.blogspot.com/2009/07/blog-post_07.html

วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554

การทำนา

         
           การทำนา หมายถึง การปลูกข้าวและการดูแลรักษาต้นข้าวในนา ตั้งแต่ปลูกไปจนถึงเก็บเกี่ยว การปลูกข้าวในแต่ละท้องถิ่นจะแตกต่างกันไปตามสภาพของดินฟ้าอากาศ และสังคมของท้องถิ่นนั้น ๆ ในแหล่งที่ต้องอาศัยน้ำจากฝนเพียงอย่างเดียว ก็ต้องกะระยะเวลาการปลูกข้าวให้เหมาะสมกับช่วงที่มีฝนตกสม่ำเสมอ และเก็บเกี่ยวในช่วงที่ฤดูฝนหมดพอดี เนื่องจากแต่ละท้องถิ่นมีสภาพดินฟ้าอากาศที่แตกต่างกัน
               สำหรับการทำนาในประเทศไทยมีปัจจัยหลัก 2 ประการ เป็นพื้นฐานของการทำนาและเป็นตัวกำหนดวิธีการปลูกข้าว และพันธุ์ข้าวที่จะใช้ในการทำนาด้วยหลัก 2 ประการ คือ
         1. สภาพพื้นที่ ( ลักษณะเป็นพื้นที่สูงหรือต่ำ ) และภูมิอากาศ
         2. สภาพน้ำสำหรับการทำนา
         ฤดูทำนาปีในประเทศไทยปกติจะเริ่มราวเดือนพฤษภาคมถึงกรกฏาคมของทุกปี ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝน เมื่อ 3 เดือนผ่านไป ข้าวที่ปักดำหรือหว่านเอาไว้จะสุกงอมเต็มที่พร้อมเก็บเกี่ยว ส่วนนาปรัง สามารถทำได้ตลอดปี เพราะพันธุ์ข้าวที่ใช้ปลูกเป็นพันธุ์ที่ไม่ไวต่อช่วงแสง เมื่อข้าวเจริญเติบโตครบกำหนดอายุก็จะสามารถเก็บเกี่ยวได้

หลักสำคัญในการทำนา
การเตรียมดิน
 1. การไถดะ เป็นการไถครั้งแรกตามแนวยาวของพื้นที่กระทงนา (กรณีที่แปลงนาเป็นกระทงย่อยๆ หลายกระทงในหนึ่งแปลงนา) เมื่อไถดะจะช่วยพลิกดินเพื่อให้ดินชั้นล่างได้ขึ้นมาสัมผัสอากาศ ออกซิเจน และเป็นการตากดินเพื่อทำลายวัชพืช โรคพืชบางชนิด การไถดะจะเริ่มทำเมื่อฝนตกครั้งแรกในปีฤดูกาลใหม่ หลังจากไถดะจะตากดินเอาไว้ประมาณ 1 - 2 สัปดาห์
2. การไถแปร หลังจากที่ตากดินเอาไว้พอสมควรแล้ว การไถแปรจะช่วยพลิกดินที่กลบเอาขึ้นการอีกครั้ง เพื่อทำลายวัชพืชที่ขึ้นใหม่ และเป็นการย่อยดินให้มีขนาดเล็กลง จำนวนครั้งของการไถแปรจึงขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณของวัชพืช ลักษณะดินและระดับน้ำ ในพื้นที่ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝนด้วย แต่โดยทั่วไปแล้วจะไถแปรเพียงครั้งเดียว   
3. การคราด เพื่อเอาเศษวัชพืชออกจากกระทงนา และย่อยดินให้มีขนาดเล็กลงอีก จนเหมาะแก่การเจริญของข้าว ทั้งยังเป็นการปรับระดับพื้นที่ให้มีความสม่ำเสมอ เพื่อสะดวกในการควบคุม ดูแลการให้น้ำ



การปลูก
การทำนาหยอด
  การทำนาหยอด เป็นวิธีการปลูกข้าวที่อาศัยน้ำฝน หยอดเมล็ดข้าวแห้ง ลงไปในดินเป็นหลุมๆ หรือโรยเป็นแถวแล้วกลบฝังเมล็ดข้าว เมื่อฝนตกลงมาดินมีความชื้นพอเหมาะ เมล็ดก็จะงอกเป็นต้น นิยมทำในพื้นที่ข้าวไร่ หรือนาในเขตที่การกระจายของฝนไม่แน่นอน แบ่งเป็น 2 สภาพ ได้แก่
         - นาหยอดในสภาพข้าวไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่มักเป็นที่ลาดชัน เช่น ที่เชิงเขาเป็นต้น ปริมาณน้ำฝนไม่แน่นอน สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่สามารถเตรียมดินได้ จึงจำเป็นต้องหยอดข้าวเป็นหลุม
         - นาหยอดในสภาพที่ราบสูง เช่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ส่วนใหญ่เป็นที่ราบเชิงเขาหรือหุบเขา การหยอดอาจหยอดเป็นหลุมหรือใช้เครื่องมือหยอด หรือโรยเป็นแถวแล้วคราดกลบ นาหยอดในสภาพนี้ให้ผลผลิตสูงกว่านาหยอดในสภาพไร่มาก


การหว่านข้าวแห้ง
การหว่านหลังขี้ไถ ใช้ในกรณีที่ฝนมาล่าช้าและตกชุก มีเวลาเตรียมดินน้อย จึงมีการไถดะเพียงครั้งเดียวและไถแปรอีกครั้งหนึ่ง แล้วหว่านเมล็ดข้าวลงหลังขี้ไถ เมล็ดพันธุ์อาจเสียหายเพราะหนู และอาจมีวัชพืชในแปลงนามาก
         การหว่านคราดกลบ เป็นวิธีที่นิยมมากที่สุด จะทำหลังจากที่ไถแปรครั้งสุดท้ายแล้วคราดกลบ   จะได้ต้นข้าวที่งอกสม่ำเสมอ
         การหว่านไถกลบ มักทำเมื่อถึงระยะเวลาที่ต้องหว่าน แต่ฝนยังไม่ตกและดินมีความชื้นพอควร หว่านเมล็ดข้าวหลังขี้ไถแล้วไถแปรอีกครั้ง เมล็ดข้าวที่หว่านจะอยู่ลึกและเริ่มงอกโดยอาศัยความชื้น    ในดิน 

การหว่านข้าวงอก (หว่านน้ำตม) เป็นการหว่านเมล็ดข้าวที่ถูกเพาะให้รากงอกก่อนที่จะนำไปหว่านในที่ที่มีน้ำท่วมขัง เพราะหากไม่เพาะเมล็ดเสียก่อน เมื่อหว่านแล้วเมล็ดข้าวอาจเน่าเสียได้ การเพาะข้าวทอดกล้า ทำโดยการเอาเมล็ดข้าวใส่กระบุง ไปแช่น้ำเพื่อให้เมล็ดที่มีน้ำหนักเบาหรือลีบลอยขึ้นมาแล้วคัดทิ้ง แล้วนำเมล็ดถ่ายลงในกระบุงที่มีหญ้าแห้งกรุไว้ หมั่นรดน้ำเรื่อยไป อย่าให้ข้าวแตกหน่อ แล้วนำไปหว่านในที่นาที่เตรียมดินไว้แล้ว วิธีการการปลูกข้าวโดยการหว่านข้าวแห้งหรือหว่านสำรวย

         การใส่ปุ๋ย ข้าวที่ปลูกในช่วงฝนแล้ง เป็นการปลูกข้าวล่าช้ากว่าฤดูกาลมาก จึงมีความจำเป็นที่จะต้องใส่ปุ๋ยช่วยเร่งให้ต้นข้าวมีการเจริญเติบโตได้เต็มที่ จึงจะทำให้ได้ผลผลิตสูงใกล้เคียงกับการทำนาดำตามฤดูกาลปกติ

การทำนาดำ
 เป็นการปลูกข้าวโดยเพาะเมล็ดให้งอกและเจริญเติบโตในระยะหนึ่ง แล้วย้ายไปปลูกในที่หนึ่ง สามารถควบคุมระดับน้ำ วัชพืชได้ การทำนาดำแบ่งได้เป็น 2 ขั้นตอน คือ
         การตกกล้า เพาะเมล็ดข้าวเปลือกให้มีรากงอกยาว 3 - 5 มิลลิเมตร นำไปหว่านในแปลงกล้า  ช่วงระยะ 7 วันแรก ต้องควบคุมน้ำไม่ให้ท่วมแปลงกล้า และจะสามารถถอนกล้าไปปักดำได้เมื่อมีอายุประมาณ 20 - 30 วัน
         การปักดำ ชาวนาจะนำกล้าที่ถอนแล้วไปปักดำในแปลงปักดำ ระยะห่างระหว่างกล้าแต่ละหลุมจะมีความแตกต่างกันขึ้นกับลักษณะของดิน คือ ถ้าเป็นนาลุ่มปักดำระยะห่าง เพราะข้าวจะแตกกอใหญ่ แต่ถ้าเป็นนาดอนปักดำค่อนข้างถี่ เพราะข้าวจะไม่ค่อยแตกกอ
        

         หลังจากที่ข้าวออกดอกหรือออกรวงประมาณ 20 วัน ชาวนาจะเร่งระบายน้ำออก เพื่อเป็นการเร่งให้ข้าวสุกพร้อมๆ กัน และทำให้เมล็ดมีความชื้นไม่สูงเกินไป จะสามารถเก็บเกี่ยวได้หลังจากระบายน้ำออกประมาณ 10 วัน ระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเก็บเกี่ยว เรียกว่า ระยะพลับพลึง คือสังเกตที่ปลายรวงจะมีสีเหลือง กลางรวงเป็นสีตองอ่อน การเก็บเกี่ยวในระยะนี้จะได้เมล็ดข้าวที่มีความแข็งแกร่ง มีน้ำหนัก และมีคุณภาพในการสี

การนวดข้าว
หลังจากตากข้าว ชาวนาจะขนเข้ามาในลานนวด จากนั้นก็นวดเอาเมล็ดข้าวออกจากรวง บางแห่งใช้แรงงานคน บางแห่งใช้ควายหรือวัวย่ำ แต่ปัจจุบันมีการใช้เครื่องนวดข้าวมาช่วยในการนวด

การเก็บรักษา

  • เมล็ดข้าวที่นวดฝัดทำความสะอาดแล้วควรตากให้มีความชื้นประมาณ 14% จึงนำเข้าเก็บในยุ้งฉาง ยุ้งฉางที่ดีควรมีลักษณะดังต่อไปนี้
  • อยู่ในสภาพที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก การใช้ลวดตาข่ายกั้นให้มีร่องระบายอากาศกลางยุ้งฉางจะช่วยให้การถ่ายเทอากศดียิ่งขึ้น คุณภาพเมล็ดข้าวจะคงสภาพดีอยู่นาน
  • อยู่ใกล้บริเวณบ้านและติดถนน สามารถขนส่งได้สะดวก
  • เมล็ดข้าวที่จะเก็บไว้ทำพันธุ์ ต้องแยกจากเมล็ดข้าวบริโภค โดยอาจบรรจุกระสอบ มีป้ายบอกวันบรรจุ และชื่อพันธุ์แยกไว้ส่วนใดส่วนหนึ่งในยุ้งฉาง เพื่อสะดวกในการขนย้ายไปปลูก
  • ก่อนนำข้าวเข้าเก็บรักษา ควรตรวจสภาพยุ้งฉางทุกครั้ง ทั้งเรื่องความะอาดและสภาพของยุ้งฉาง ซึ่งอาจมีร่องรอยของหนูกัดแทะจนทำให้นกสามารถรอดเข้าไปจิกกินข้าวได้ รูหรือร่องต่าง ๆ ที่ปิดไม่สนิทเหล่านี้ต้องได้รับการซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อน